รัฐอุ้มแก้หนี้รายย่อย สั่งออมสินช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อโควิดอาชีพอิสระ กว่า 630,000 ราย หลุดพ้นสถานะ NPLs ไม่เสียประวัติเครดิต เริ่ม 6 ม.ค. 67 เป็นต้นไป
ตามที่รัฐบาลมีมาตรการผลักดันการแก้ปัญหาหนี้ช่วยเหลือประชาชน
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กำหนดนโยบายการแก้หนี้ทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ มอบหมายหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องบูรณาการภารกิจและแนวทางดำเนินงานเพื่อแก้ไขหนี้ให้ประชาชนทุกกลุ่มได้สำเร็จและยั่งยืน
ด้านกระทรวงการคลังซึ่งรับผิดชอบกำกับดูแลสถาบันการเงินของรัฐ
จึงเร่งรัดทยอยออกมาตรการแก้หนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด นายกฤษฎา
จีนะวิจารณะ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายและสนับสนุนธนาคารออมสิน
เสนอคณะรัฐมนตรีขออนุมัติออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ซึ่งธนาคารได้ปล่อยกู้ให้รายละ 10,000 บาท
เมื่อปี 2563 เพื่อช่วยเหลือเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล
ทั้งนี้
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566
เห็นชอบให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือลูกหนี้โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19)
โดยให้ธนาคารดำเนินการตามกระบวนการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ก่อน
หากลูกหนี้รายใดที่สุดแล้วยังคงประสบ ความเดือดร้อนต่อเนื่อง
ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ
ให้ธนาคารนำงบประมาณที่รัฐจัดสรรสำหรับชดเชยความเสียหาย ตามโครงการสินเชื่อดังกล่าวมาช่วยเหลือลูกหนี้ให้หลุดพ้นจากสถานะหนี้เสีย
(NPLs)
และไม่เสียประวัติเครดิตที่จะทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้อีก
โดยธนาคารจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
กำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้จำนวน กว่า
630,000 ราย
อนึ่ง
โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563
เป็นโครงการที่รัฐบาลเห็นชอบให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อแก่ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ รายละ 10,000 บาท เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างหนัก ในช่วงเวลาการแพร่ระบาดรุนแรง
ณ ขณะนั้น วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท
พร้อมรัฐจัดสรรงบประมาณแก่ธนาคารออมสินสำหรับชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากหนี้เสีย
(NPLs) รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 10,000
ล้านบาท ทั้งนี้ การช่วยเหลือครั้งนี้จะดำเนินการเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เสียวินัยทางการเงิน.