การเคหะแห่งชาติร่วมกับ สปสช. วางแผนตั้ง “ตู้ห่วงใย” ในพื้นที่ชุมชนของการเคหะแห่งชาติ

การเคหะแห่งชาติร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพ หรือ สปสช. ประชุมวางแผนและขับเคลื่อนโครงการ “ตู้ห่วงใย” ตั้งในชุมชนนำร่อง 2 พื้นที่ในโครงการของการเคหะแห่งชาติ 

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชน การเคหะแห่งชาติจึงได้จับมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพ หรือ สปสช. เพื่อประชุมวางแผนและขับเคลื่อนโครงการ“ตู้ห่วงใย” โดยได้มอบหมายให้

นายธนัญชัย โชติศรีลือชา รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ร่วมประชุมกับ ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และได้กำหนดพื้นที่นำร่องติดตั้งตู้ห่วงใย 2 พื้นที่ ได้แก่ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 และศูนย์นวัตกรรมด้านที่อยู่อาศัยและบริการงานขายห้วยขวาง เนื่องจากใน 2 พื้นที่ดังกล่าวมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในโครงการของการเคหะแห่งชาติและบริเวณใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก และในอนาคตมีแผนขยายผลไปยังชุมชนของการเคหะแห่งชาติทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลอีกต่อไป  

   

“ตู้ห่วงใย” เป็นตู้บริการแพทย์ทางไกลเชิงรุกในชุมชน รักษา 42 กลุ่มโรค ด้วยสิทธิ 30 บาท รักษาทุกที่ มีลักษณะเป็นHealth Stationที่ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพต่าง ๆเพื่อให้คนในชุมชนสามารถเข้าตรวจค่าสุขภาพพื้นฐานที่แม่นยำและรับผลการตรวจทันทีโดยใช้บัตรประชาชน อีกทั้งยังสามารถพบแพทย์ผ่านระบบวิดีโอคอลและกรณีที่ต้องรับยาสามารถเลือกรับยาที่บ้านหรือไปรับที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ30บาทรักษาทุกที่ด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ครอบคลุมสะดวกรวดเร็วและช่วยประหยัดเวลาอีกด้วย

นายทวีพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันการไปโรงพยาบาลใช้ระยะเวลาการรอพบแพทย์ค่อนข้างนาน ทำให้หลายคนไม่อยากไปพบแพทย์ ไม่สบายนิดหน่อยก็ซื้อยากินเอง หรือปล่อยเอาไว้เพราะคิดว่าเดี๋ยวอาการก็ดีขึ้น แต่บางรายก็กลับมีอาการแย่ลง พอมี “ตู้ห่วงใย” คอยบริการให้ประชาชนในพื้นที่ได้หาหมอออนไลน์ จะทำให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น การเคหะแห่งชาติขอขอบคุณ สปสช. สำหรับโครงการดี ๆ ที่จะช่วยให้ประชาชนรู้สึกว่าการหาหมอไม่ใช่เรื่องยากลำบากอีกต่อไป และเชื่อว่าประชาชนจะหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น” 

 

 

Visitors: 14,164,133