กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 33.75-34.35 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.35 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.08 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.95-34.57 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ข้อมูลภาคบริการเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ดี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนกันยายนซึ่งเป็นช่วงที่เฟดเริ่มต้นวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง พร้อมส่งสัญญาณถึงการลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังในระยะถัดไป ส่วนเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นๆ โดยตลาดพันธบัตรฝรั่งเศสกลับเข้าสู่เสถียรภาพหลังจากสภาฝรั่งเศสโหวตไม่ไว้วางใจนายกฯ ขณะที่ค่าเงินเยนผันผวนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจังหวะเวลาที่ตลาดประเมินว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จะขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,357 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 7,080 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ตลาดจะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญชิ้นสุดท้ายก่อนการประชุมเฟดวันที่ 17-18 ธันวาคม เรามองว่าแม้ตำแหน่งการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาด แต่ปฏิกิริยาของตลาดสะท้อนว่าไม่เพียงพอที่จะทำให้เฟดเลื่อนการลดดอกเบี้ยในเดือนนี้ออกไป โดยอัตราการว่างงานขยับสูงขึ้นมาที่ 4.2% และอาจค่อยๆเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยจะลดลงต่อเนื่องจากระดับตึงตัว แต่ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวัง ทั้งนี้ สัญญาล่วงหน้าบ่งชี้โอกาส 85% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)จะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp สู่ 3.00% ในการประชุมวันที่ 12 ธันวาคม โดยนักลงทุนจะรอดูสัญญาณจากอีซีบีเรื่องความเป็นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยขนาด 50bp ต่อรอบประชุมในระยะข้างหน้าท่ามกลางความเสี่ยงด้านขาลงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในยูโรโซนจากมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศส
สำหรับปัจจัยในประเทศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายนของไทยเพิ่มขึ้น 0.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการปรับตัวสูงขึ้นของต้นทุนพลังงานและอาหาร ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.80% โดยกระทรวงพาณิชย์คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 และปี 2568 ที่ 0.5% และ 0.8% ตามลำดับ