SENA เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่เสริมความแข็งแกร่งและต่อยอดธุรกิจ ปี 2568
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “SENA”พร้อมรุกธุรกิจปี 2568 เดินหน้าเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2568 ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ Investment Grade ที่ระดับ “BBB-” แนวโน้มอันดับเครดิต“คงที่” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ณ วันที่ 31 มกราคม 2568 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” ระดับ BBB ประจำปี 2567 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในการพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพ และความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล
นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดสรรเงินและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ซึ่งจะเป็นหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [5.70-5.95]% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่14และ17 ถึง 18 มีนาคม พ.ศ. 2568 นี้ ผ่าน 12 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บล.เอเซีย พลัส, บล.หยวนต้า (ประเทศไทย), บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บล.โกลเบล็ก, บมจ. หลักทรัพย์ พาย, บมจ. หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย), บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ , บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย), บมจ. หลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ , บล.ทรีนีตี้, บล.บลูเบลล์ และ บล.เอเอสแอล โดยผู้ลงทุนสถาบันสามารถจองซื้อหุ้นกู้ขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 10,000 บาท และผู้ลงทุนทั่วไปสามารถจองซื้อหุ้นกู้ขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท การจองซื้อหุ้นกู้ในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์สามารถทำได้ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายบางรายและช่องทางบางช่องทางเท่านั้น
โดยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ในการชำระหนี้จากการออกตราสารหนี้เดิมซึ่งครบกำหนดชำระ อย่างไรก็ดี บริษัทได้มีการจัดเตรียมวงเงินกู้สำรองไว้สำหรับชำระหนี้เรียบร้อยแล้วและจากงบการเงินงวด 9 เดือน ปี 2567 บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) 1.72 เท่า ตามข้อกำหนดสิทธิจะต้องมีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) ไม่เกิน 2.5 เท่า ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ยังไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้
สำหรับปี 2568 คาดว่าจะเป็นปีแห่งการปรับฐานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยยังคงมีการระบายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายเดิม ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่อาจมีจำนวนจำกัด เนื่องจากกำลังซื้อยังเปราะบาง และจำเป็นต้องอาศัยมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ อีกทั้งสถาบันการเงินยังคงปล่อยกู้ให้กับรายย่อยค่อนข้างยาก ซึ่งถือว่าเป็นปีที่จะต้องมีการปรับตัวของผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สำหรับบริษัทได้วางแผนล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อก้าวผ่านความเสี่ยงไปได้ โดยแบ่งกลยุทธ์หลักออกเป็น 3 ข้อ ดังนี้
1. บริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เน้นส่งเสริม Ecosystem ภายในกลุ่มบริษัทและสนับสนุนกัน ภายใต้ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร, เซ็นเอกซ์ (SENX) ธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขายและบริการ, และ เสนา กรีน เอนเนอร์ยี่ (SENA Green Energy) ที่ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดครบวงจร โครงสร้างธุรกิจดังกล่าวช่วยเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจหลัก และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
2. ดำเนินธุรกิจตาม Mega Trend เพื่อช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักและกระจายความเสี่ยง
2.1 ธุรกิจพลังงานสะอาด (Solar & EV Business) บริษัทดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์ (PPA) กว่า 1,000 หลังคาเรือน พร้อมขยายธุรกิจ EV Business ทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car Dealer) และสถานีชาร์จไฟ (EV Charger) รวมถึงดำเนินธุรกิจ Carbon Credit Trading ทั้งในและต่างประเทศ
2.2 ธุรกิจบริการเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทขยายการให้บริการที่ช่วยสนับสนุนการขายและการดำเนินงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยให้บริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การบริหารจัดการโครงการนิติบุคคล ไปจนถึงบริการที่เสริมประสบการณ์ลูกค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการที่อยู่อาศัย
2.3 บริษัทดำเนินธุรกิจในกลุ่ม Low-Middle Income อย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 40 ปี โดยเฉพาะแบรนด์ เสนา คิทท์ (SENA Kith) และ โคซี่ (Cozi) ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีความต้องการสูง เนื่องจากขนาดประชากรและความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสอดรับกับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่มุ่งเน้นการขยายฐานที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและเสริมสร้างโอกาสในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.4 บริษัทมีความร่วมมือกับ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ลงทุนร่วมกันกันมาตลอดกว่า 8 ปี รวมจำนวน 69 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 86,200 บาท และพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปด้วยกัน ช่วยเสริมสร้างศักยภาพทางการเงิน และสะท้อนถึงมาตรฐานด้านธรรมาภิบาลที่ดี ปัจจุบันบริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อจากธนาคารต่างชาติในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และมีเงื่อนไขการเบิกจ่ายที่ยืดหยุ่น อันเป็นผลจากความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับพันธมิตร
2.5 จากแนวโน้มการอยู่อาศัยมีการเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมของผู้บริโภค บริษัทจึงพัฒนา LivNex ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย โดย LivNex และ RentNex เป็นโครงการที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจหลัก มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของโครงการให้ลูกค้าที่ต้องการเวลาในการเตรียมความพร้อมทางการเงิน ซึ่งเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความสามารถในการถือครองที่อยู่อาศัย สะท้อนให้เห็นออกมาอย่างชัดเจน ผ่านจำนวนตัวเลขของลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ LivNex ในปีที่ผ่านมา มีจำนวนยูนิตภายใต้โครงการ LivNex กว่า 527 ยูนิต มูลค่ารวม 1,029 ล้านบาท และผ่านเกณฑ์เข้าร่วมโครงการ LivNex จำนวน 401 ยูนิต มูลค่า 779.69 ล้านบาท คิดเป็น 75.75% จากยอดที่สมัครเข้าโครงการ LivNex
โดย LivNex ออกแบบมาให้ลูกค้าสามารถสะสมเงินค่าเช่าเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์ในอนาคต ปัจจุบันมีโครงการของบริษัทที่เข้าร่วม LivNex จำนวน 47 โครงการ ขณะที่ RentNex เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่ม Generation Rent ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ของตลาด โดยการเช่ากับ RentNex ให้สิทธิประโยชน์มากกว่าการเช่าทั่วไป ลูกค้าสามารถย้ายที่อยู่ได้ตามทำเลของโครงการที่เข้าร่วมโปรแกรม ปัจจุบันมีโครงการภายใต้ RentNex จำนวน 25 โครงการ และในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นตอบโจทย์ Generation Rent ด้วย RentNex ซึ่งเป็นนวัตกรรมการอยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “Subscription Model” ที่ให้ลูกค้าเช่าที่อยู่อาศัยได้อย่างยืดหยุ่นภายใต้โครงการของ SENA
3.บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่องทางการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งทางการเงิน ควบคู่กับการขยายธุรกิจตามแนวทาง ESG และธรรมาภิบาล (Good Governance) เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SENA Call Center โทร 1775 ต่อ 100 , 101และที่เว็บไซด์ https://campaign.sena.co.th/senabond หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 12 แห่ง ได้แก่
1. บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
2. บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351 ถึง 59
3. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5555
4. บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
5. บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-205-7000 ต่อ 7387
6. บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800 กด 1
7. บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0100
8. บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
9. บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2660-6624
10. บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด โทร. 02-088-9100
11. บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
12. บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด โทร. 02-508-1567
หมายเหตุ: บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน