คปภ. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย เสริมความมั่นคงธุรกิจประกันภัยไทย
นายไพบูลย์ เปี่ยมเมตตา
ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย เปิดเผยว่า
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย
(สำนักงาน คปภ.) มุ่งมั่นพัฒนาระบบกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของประเทศให้มีความมั่นคง
โปร่งใส และสามารถรองรับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงดำเนินมาตรการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัย
โดยการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยของสัญญาประกันภัยระยะสั้น
ซึ่งจะช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น โดยปัจจุบันการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยของสัญญาประกันภัยระยะสั้นจะพิจารณาจากค่าที่มากกว่า
ระหว่างสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ตกเป็นรายได้ (Unearned Premium Reserve : UPR) และสำรองประกันภัยสำหรับความเสี่ยงภัย
ที่ยังไม่สิ้นสุด (Unexpired Risk Reserve : URR) ในภาพรวมของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกันภัย
อย่างไรก็ตาม
เพื่อให้การคำนวณสะท้อนความเสี่ยงของแต่ละประเภทการรับประกันภัยได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีการคำนวณโดยใช้ผลรวมของค่าที่มากกว่าระหว่าง UPR และ URR
ในระดับประเภทการรับประกันภัย ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทประกันภัย
และช่วยลดความเสี่ยงจากการตั้งสำรองประกันภัยที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจประกันภัย
โดยการพัฒนาแนวทางนี้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยเท่านั้น
แต่ยังช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถติดตามสถานะทางการเงิน ของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบในหลักการปรับปรุงดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรอบคอบและครอบคลุมทุกมิติ สำนักงาน คปภ.
ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยได้จัดการประชุมชี้แจงเมื่อวันที่
10-11 มีนาคม 2568 และเปิดให้แสดงความคิดเห็นระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568
“สำนักงาน คปภ.
เชื่อมั่นว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพของธุรกิจประกันภัย ในประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เอาประกันภัย
และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันภัยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้
การพัฒนาแนวทางดังกล่าวยังช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถวางแผนเชิงกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น
เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยง
และส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในตลาดประกันภัย โดยสำนักงาน คปภ.
พร้อมเดินหน้าพัฒนามาตรฐานด้านการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ธุรกิจประกันภัยไทยมีความมั่นคง โปร่งใส
และสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้เอาประกันภัยและสังคมโดยรวม”
ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย กล่าวในตอนท้าย