บิ๊กซี ทุ่มงบ 5,000 ล้านบาท ขยายสาขา พลิกโฉมสาขารูปแบบใหม่ 18 สาขาทั่วประเทศ ในปี 2567และขยายเปิดสาขาเพิ่ม 3 สาขา ภายในปี 2568
"บิ๊กซี"
พลิกโฉมธุรกิจเดินหน้ารีโนเวทสาขารูปแบบใหม่ จำนวน 18 สาขาทั่วประเทศ จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567 นี้ พร้อมขยายเปิดสาขาเพิ่ม 3 สาขาในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต
ภายในปี 2568 และมีการขยายเปิดสาขาบิ๊กซีมินิอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปี 2567 บิ๊กซี
ทุ่มงบ 5,000 ล้านบาท เดินหน้ารีโนเวทจำนวน 18 สาขา โดยจะมีการปรับโฉมใหม่ ด้วยงบประมาณ 1,700 ล้านบาท
และเปิดเพิ่ม 1 สาขา ภายในปี 2567 นอกจากนี้เราวางแผนขยายเพิ่ม
3 สาขาภายในสิ้นปี 2568 และจะขยายสาขาบิ๊กซีมินิอย่างต่อเนื่อง
เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ที่ไม่ใช่แค่มาเดินซื้อของอย่างเดียวแต่ยังต้องการพื้นที่แฮงเอาต์และพักผ่อน
รวมถึงเพื่อเป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับลูกค้าบิ๊กซีเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน
บิ๊กซีมีสาขาทั้งสิ้นกว่า1,800 สาขา
ในไทยและยังขยายไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในฮ่องกง กัมพูชา ลาว
และเวียดนาม”
ในขณะเดียวกัน ในปีนี้ มีบิ๊กซีจำนวน
2 สาขา หมดอายุสัญญาเช่าพื้นที่ ซึ่งบิ๊กซีตัดสินใจไม่ต่อสัญญาเช่า ได้แก่ บิ๊กซี สาขาสุขาภิบาล
3-2 (แยกบ้านม้า) โดยจะเปิดให้บริการวันสุดท้าย
15 ก.ย. นี้ และบิ๊กซี สาขารังสิต 2 (ใกล้กับตลาดสี่มุมเมือง) โดยจะเปิดให้บริการวันสุดท้าย
30 ก.ย. นี้ เช่นกัน ทั้งนี้บิ๊กซีได้มีนโยบายดูแลพนักงาน ทุกคน รวมถึงสามารถโอนย้ายไปทำงานได้ที่บิ๊กซีสาขาใกล้เคียง
หรือที่ภูมิลำเนาของพนักงานตามสมัครใจ และสำหรับร้านค้าเช่า
ได้มีการเจรจาตกลงร่วมกันกับทางผู้เช่า
โดยทางบิ๊กซีได้ดูแลและจัดหาพื้นที่เพื่อไปเปิดในสาขาอื่นๆ ของบิ๊กซีทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บิ๊กซี สาขาราษฎร์บูรณะ จะเปิดให้บริการวันสุดท้าย
31 ต.ค. นี้ ซึ่งจะย้ายไปยังทำเลใหม่ที่ใกล้เคียง เป็นทำเลทองติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
และเป็นที่ดิน Freehold ในกลุ่ม บีเจซี บิ๊กซี โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในปี
2568
“บิ๊กซี
เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค เราใช้ Big Data เข้ามาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า
เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและตรงกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในปัจจุบัน”
นายอัศวิน กล่าวสรุป