กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 33.80-34.70 สภาพคล่องต่ำช่วงคริสต์มาส
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า
เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.54 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง
34.02-34.68 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ
3 สัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2
ปีหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ลดดอกเบี้ย 25bp ตามคาด
แต่ส่งสัญญาณว่าถึงจังหวะที่จะลดดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลง โดย dot plot ชุดใหม่บ่งชี้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 50bp ในปี 68 เทียบกับที่เคยประมาณการเมื่อเดือนกันยายนว่าอาจลดลดอกเบี้ยลงรวม 100bp
ในปีหน้า
ส่วนค่าเงินเยนเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรงจากการปรับมุมมองของเฟด ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)คงนโยบายและลังเลที่จะกล่าวถึงการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้
โดยต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการขึ้นค่าจ้างและผลของนโยบายสหรัฐฯ ทั้งนี้
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 4,232 ล้านบาท
แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 7,626 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ปริมาณธุรกรรมตลาดการเงินโลกซึมลงและนักลงทุนปิดสถานะก่อนเทศกาลคริสต์มาส
โดยในภาพใหญ่ผู้ร่วมตลาดจะยังคงตอบรับสัญญาณจากประธานเฟดที่ว่าวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินกำลังเข้าสู่
“ระยะใหม่” ซึ่งจะดำเนินการ “อย่างระมัดระวัง” ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
อนึ่ง กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ มองว่าแม้ปฏิกิริยาของตลาดต่อท่าทีของเฟดดูมากเกินจริง
แต่ยอมรับว่าความแตกต่างของเส้นทางนโยบายการเงินระหว่างเฟดกับธนาคารกลางหลักอื่นๆปรับตัวกว้างขึ้น
ควบคู่ไปกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้าในช่วงเริ่มต้นสมัยที่สองของทรัมป์
เราประเมินว่าภาวะดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะหนุนค่าเงินดอลลาร์ช่วงต้นปี 2568
สำหรับปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
คงดอกเบี้ยด้วยมติเอกฉันท์ โดยคณะกรรมการระบุว่าเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันภายนอกที่รุนแรงขึ้นและความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า
ขณะที่กนง.ต้องการรักษาขีดความสามารถของนโยบายในการรองรับความไม่แน่นอน
และจะเฝ้าติดตามนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลักและพัฒนาการด้านสินเชื่อ รวมถึงผลของมาตรการ
“คุณสู้ เราช่วย” ของภาครัฐที่จะบรรเทาภาระหนี้ให้กับกลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้
เราคาดว่ากนง.อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยสู่ 2.00% ในการประชุมครั้งถัดไปเดือนกุมภาพันธ์ 2568