‘สิงห์ เอสเตท’ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี คาดเปิดจอง 8 – 9 และ 12 ก.พ. 2567 ตอกย้ำความแข็งแกร่งของธุรกิจปี 2566 ด้วยรายได้รวมกว่าหมื่นล้านบาท ใน 9 เดือนแรก
สิงห์ เอสเตท ยื่น filing เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่
ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป อายุ 3 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 5.00%
ต่อปี โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 8 – 9 และ 12 ก.พ. 2567
พร้อมอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้อยู่ที่ “BBB”
ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” (Investment Grade)
ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ “BBB+” แนวโน้ม
“คงที่” (Stable) จากการจัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง
10 มกราคม 2567 - หลังจากประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ในปี 2566 ที่ผ่านมา โดยปิดการขายรวมมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้น 1,700 ล้านบาท
ตอกย้ำความมั่นใจและไว้วางใจของผู้ลงทุนต่อการเติบโตของธุรกิจกลุ่ม บริษัท สิงห์
เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’
เตรียมพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป
โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ยื่นคำขออนุญาตและแบบแสดงรายการข้อมูลตราสารหนี้ (filing) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน
และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) โดยเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี
ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท
ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
โดยคาดว่าจะเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไประหว่างวันที่ 8 – 9 และ 12 ก.พ.
2567 โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้งสถาบันการเงิน
3 แห่ง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารกสิกรไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร
โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 8
มกราคม 2567 ที่ระดับ “BBB”
ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” (Investment grade)
ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB+”
แนวโน้ม “คงที่” (Stable) โดยทริสเรทติ้ง ระบุว่า
อันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวสะท้อนผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงแรมของบริษัทฯ
ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนแผนการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
รวมถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง ที่มองว่าภาระหนี้สินของบริษัทฯ
จะอยู่ในทิศทางที่ลดลงในช่วง 2-3
ปีข้างหน้า นอกจากนี้
อันดับความน่าเชื่อถือยังสะท้อนถึงคุณภาพที่ดีของสินทรัพย์โรงแรมของบริษัทฯ
ตลอดจนแบรนด์ของโครงการที่พักอาศัยที่ได้รับการยอมรับอย่างดี
มีผลการดำเนินงานตามแผน
และรายได้ประจำจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์อีกด้วย
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’
ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุม ธุรกิจโรงแรม
ภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ (SHR)
ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างชัดเจนในปีที่ผ่านมา
ปัจจุบัน SHR เป็นเจ้าของโรงแรมทั้งสิ้นจำนวน 38 แห่ง ห้องพัก 4,552 ห้อง
ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญกระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค 5
ประเทศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย บริษัทฯ
มีนโยโบายในการพัฒนาทั้งโครงการแนวราบและแนวสูงหลากหลายรูปแบบโดยมุ่งเน้นที่ Luxury
Segment ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และโฮมออฟฟิศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า
ได้แก่ อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าในทำเลหลัก
ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตและให้ผลตอบแทนต่อการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ดี
รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานเช่า
รวมทั้งการลงทุนในบริษัทร่วมในธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์
เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี
2566 นั้น บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการขายและการบริการจำนวน 10,072
ล้านบาท โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ เติบโตโดดเด่นถึง 34% ด้วยแรงส่งสำคัญจากการเปิดตัว 3 โครงการ ภายใต้ 3
แบรนด์ซึ่งรวมถึงโครงการใหญ่ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 ที่มีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทและพร้อมเริ่มรับรู้รายได้ทันที
ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการปรับตัวเพิ่มขึ้น 16%
ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของธุรกิจโรงแรม
และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก
รวมถึงการปรับปรุงห้องพักโรงแรมสำคัญในไทยและฟิจิในไตรมาส 4 เพื่อเตรียมต้อนรับผู้เข้าพักในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
หนุนให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR)
มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้ายังคงมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
จากการทยอยรับรู้รายได้ตามการส่งมอบพื้นที่เช่าของอาคารเอส โอเอซิส (S
OASIS) รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
ก็ยังมีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“รายได้ของสิงห์ เอสเตท ในช่วง 9 เดือนแรกสามารถเติบโตได้ตามแผนการลงทุน
ควบคู่กับการคุมต้นทุนต่าง ๆ
ให้มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับช่วงการขยายธุรกิจและเปิดตลาดใหม่
ส่งผลให้เรามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา
และรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำจากการดำเนินงานปกติ (Adjusted EBITDA) ที่ 2,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานดังกล่าวเป็นตัวพิสูจน์การปรับตัวทางธุรกิจให้สามารถช่วงชิงโอกาสได้ทันกับการฟื้นตัวของธุรกิจที่พักอาศัยและโรงแรม
และสะท้อนผลสำเร็จจากการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของลูกค้า
ที่สิงห์ เอสเตทได้ทำมาตลอด และเราเชื่อมั่นว่าในไตรมาสที่ 4 เราจะสามารถขับเคลื่อนผลประกอบการที่สูงที่สุดในปีได้
เนื่องจากการรับรู้ยอดโอนของโครงการใหม่ สริน ราชพฤกษ์สาย 1 ที่มีมูลค่า
3,800 ล้านบาทและเปิดตัวในต้นไตรมาส 4 ที่ผ่านมา
ได้รับความสนใจอย่างดีและมียอดจองเป็นไปตามเป้าหมายกว่า 10%
รวมถึงพอร์ตโรงแรมของ SHR ซึ่งเป็นผลจากการที่ห้องพักรูปแบบใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว
พร้อมเปิดให้บริการลูกค้าในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของปี
พร้อมทั้งปริมาณความต้องการเดินทางของลูกค้า Long-haul
market ที่กลับมาคึกคักอีกครั้งตามการเปิดเส้นทางบิน
เรามีความมั่นใจที่จะทำตามเป้าหมายในการสร้างรายได้ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
และวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อมุ่งเป้าสู่การเติบโตระยะยาว
พร้อมด้วยปรัชญาการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยพันธสัญญาต่อลูกค้า คู่ค้า ตลอดจนสังคม
และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการรักษาวินัยทางการเงินที่ดี
และการเตรียมความพร้อมในการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมที่สุดกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วง
เพื่อเพิ่มความพร้อมในการสนับสนุนการขยายการเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
และคงระดับสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนให้เป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการของบริษัท”
นางฐิติมา กล่าวเสริม
ทั้งนี้
หุ้นกู้ สิงห์ เอสเตท คาดว่าจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนในระหว่างวันที่
8 – 9 และ
12 ก.พ. 2567 ผ่าน 3 สถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ ได้แก่
·
ธนาคารกรุงไทย โทร. 02-111-1111 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai
NEXT ได้อีก 1 ช่องทาง)
·
ธนาคารกสิกรไทย (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว
และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร 02-888-8888 กด 819
·
บริษัทหลักทรัพย์
เกียรตินาคินภัทร ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร
ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร โทร. 02-165-5555 หรือ Application DIME
ปัจจุบัน บริษัทฯ
อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน ได้ที่ www.sec.or.th