คปภ.ห่วงใยประชาชน-เกษตรกร แนะใช้ระบบประกันภัยบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
จากกรณีที่ประเทศไทยตอนบนได้เกิดพายุฤดูร้อน
เนื่องจากมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง
ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่
โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง โดยสร้างความเสียหายให้กับอาคาร
บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย ตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่นั้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(สำนักงาน คปภ.) ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
และมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน รวมถึงเกษตรกรที่ปลูกพืชผลทางการเกษตร จึงขอให้ประชาชนและเกษตรกรให้ความสำคัญในการทำประกันภัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการคุ้มครองความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ
ทั้งนี้ การทำประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับอาคารนั้นมีทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับตามกฎหมาย
โดยในส่วนของอาคารอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งบังคับให้เจ้าของอาคาร
ผู้ครอบครองอาคาร หรือผู้ดำเนินการ
สำหรับอาคารชนิดหรือประเภทตามที่กำหนดในกฎกระทรวงฯ ต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต
ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไขและจำนวนเงินเอาประกันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดในกฎกระทรวงโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคาร
สำหรับอาคารของเอกชนที่จะต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว
ประกอบไปด้วย อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน
โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ
รวมถึงป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่สูงจากพื้นดินตั้งแต่ 15
เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป
หรือป้ายที่ติดหรือตั้งบนหลังคาหรือดาดฟ้าของอาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่
25 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต
ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น
สำนักงาน คปภ. จึงขอฝากให้เจ้าของอาคารหรือผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยในทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
เพราะหากไม่ทำประกันภัยภาคบังคับ นอกจากจะได้รับความเสียหายเมื่อเกิดอัคคีภัยแล้ว
ยังอาจได้รับโทษถึงจำคุกและปรับในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองหรือความเกี่ยวเนื่องกับไฟไหม้
เช่น ประกันอัคคีภัย จะให้ความคุ้มครองตัวอาคาร เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน
สต๊อกสินค้า เครื่องจักร และเครื่องตกแต่งที่ติดตั้งไว้กับตัวอาคาร
โดยให้ความคุ้มครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า
และการระเบิดของแก๊สที่ใช้ทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย ส่วนการประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย
จะให้ความคุ้มครอง สิ่งปลูกสร้างหรือตัวอาคารใช้เป็นที่อยู่อาศัย (ไม่รวมฐานราก)
ทรัพย์สินภายในบ้าน สิ่งที่ติดกับตัวอาคาร หรือเครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้าน
โดยให้ความคุ้มครอง ไฟไหม้ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยจากยวดยานพาหนะ ภัยจากอากาศยาน
ภัยจากน้ำที่เกิดจากการรั่วซึมภายในอาคาร (ไม่รวมน้ำท่วม) รวมถึงภัยธรรมชาติ 4 ภัย
ได้แก่ ภัยน้ำท่วม ภัยลมพายุ ภัยลูกเห็บ และภัยแผ่นดินไหว
ในขณะที่ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) จะให้ความคุ้มครองกว้างกว่าอัคคีภัย
เช่น ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยจากยวดยานพาหนะ ภัยน้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว ภัยลมพายุ
ภัยลูกเห็บ การโจรกรรมและอุบัติเหตุจากสาเหตุที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อยกเว้น เป็นต้น
สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชผลทางการเกษตร
สามารถจัดทำประกันภัย ข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทุเรียน ลำไย เป็นต้น
เพื่อนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงภัยที่เกิดจากภัยธรรมชาติได้อีกด้วย
ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเรื่องประกันภัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน
คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th