SAWAD ประเดิมปีมังกร กำไรไตรมาส 1/67 กว่า 1.27 พันล้าน ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อคุณภาพน้ำดี ดันพอร์ตสินเชื่อทะลุเกิน 1 แสนล้าน
SAWAD เดินเกมสวย
ประกาศงบไตรมาสแรกของปี 67 ทำกำไรสุทธิรวม 1,278 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นสอดรับกับการปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้น
ด้านผู้บริหาร ธิดา แก้วบุตตา ย้ำแนวทางการปล่อยสินเชื่อปีนี้
เน้นสินเชื่อคุณภาพมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน รักษาระดับ NPLs มั่นใจจบปีพอร์ตสินเชื่อทะลุเป้า
ธิดา
แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2567 ของบริษัทและบริษัทย่อย (สิ้นสุด ณ วันที่ 31
มีนาคม 2567) มีกำไรสุทธิรวม 1,278 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยราว 4,595 ล้านบาท
และรายได้อื่นราว 817.65 ล้านบาท รวมรายได้อยู่ที่ 5,412.56 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 36.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
และมีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 99,819 ล้านบาท
โดยการเติบโตหลักในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มาจากการปล่อยสินเชื่อในธุรกิจหลักที่เพิ่มขึ้น
การปรับขึ้นดอกเบี้ยในบางผลิตภัณฑ์ สนับสนุนให้รายได้ดอกเบี้ยเติบโตอย่างโดดเด่น
ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการสินเชื่อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์
“การเติบโตในโค้งแรกของปีนี้
เป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
หลังจากเราเริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อเพิ่มสะท้อนได้จากพอร์ตสินเชื่อที่โตเป็นกราฟชันขึ้น
ส่งผลให้ NPL จะขยายตัวตามไปด้วย
ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจ
จึงไม่อยากให้นักลงทุนกังวลประเด็นนี้มากนักเพราะยังอยู่ในกรอบ 3-4% ที่บริษัทควบคุมไว้ ส่วนการตั้งสำรองทรัพย์สินรอการขายของธุรกิจเช่าซื้อจะเริ่มลดลงอย่างชัดเจนในครึ่งปีหลัง
” ธิดา กล่าว
ขณะที่แผนการเติบโตในปีนี้
บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นธุรกิจหลัก
เพื่อรักษาคุณภาพหนี้ให้มีคุณภาพมากขึ้นและสร้างการเติบโตระยะยาว นอกจากนี้วางเป้าหมายในการขยายสาขาประมาณ
300 สาขา
หรือเฉลี่ยเปิดประมาณวันละ 1 สาขา
และพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านไอทีให้ดียิ่งขึ้น
เพื่อรองรับการใช้งานของพนักงานในการดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
ประเมินราคารถให้แม่นยำยิ่งขึ้น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มพอร์ตลูกหนี้ต่อสาขาให้เติบโตมากขึ้น ทั้งนี้จากแผนดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้เครือศรีสวัสดิ์สามารถสร้างผลการดำเนินงานในปี
2567 เติบโตได้ตามแผน
สนับสนุนให้พอร์ตสินเชื่อในปีนี้เติบโตเกิน 100,000 ล้านบาทอย่างมีคุณภาพ