กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.60-35.30 รอยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ
34.60-35.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.03 บาท/ดอลลาร์
โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ขณะตลาดกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น
ขณะที่เงินดอลลาร์ทรงตัวเทียบกับเงินยูโรแต่แข็งค่าเทียบเมื่อกับเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 3.4%
โดยเร่งตัวขึ้นจาก 3.1% ในเดือนพฤศจิกายนขณะที่ดัชนี CPI
พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 3.9% ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวผันผวนก่อนร่วงลง นอกจากนี้ ท้ายสัปดาห์
สหรัฐฯเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตต่ำเกินคาด ทางด้านนักลงทุนคาดว่ามีโอกาสสูงราว 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้
ขณะที่ในภาพใหญ่
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังคงอยู่ในทิศทางชะลอตัวลงชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี
2566 ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 4,238
ล้านบาท และ 4,137 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์
กรุงศรี เผยว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ
ความเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย รวมถึงสถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางและผลกระทบต่อราคาน้ำมันและค่าขนส่ง
หลังสหรัฐฯและอังกฤษโจมตีทางอากาศในเยเมน
เพื่อตอบโต้ต่อกลุ่มฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้โจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงเพื่อสนับสนุนกลุ่มฮามาสในเขตฉนวนกาซา
โดยหากสถานการณ์ขยายวงออกไป จะเพิ่มความเสี่ยงด้านขาขึ้นของเงินเฟ้อ
และทำให้เฟดระมัดระวังมากขึ้น
สำหรับปัจจัยในประเทศ กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ คาดว่าธปท.จะใช้เวที BoT Policy Briefing เพื่อสื่อสารแนวคิดต่อสาธารณชนในการดำเนินนโยบายการเงินหลังภาครัฐเห็นต่างกันมากขึ้นเรื่องดอกเบี้ยนโยบาย
ขณะที่นายกฯระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยแต่ไม่ได้ก้าวก่ายการทำงานของธปท.
โดยได้หารือกับผู้ว่าการธปท.เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมเป็นหลัก
อีกทั้งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของบริษัทต่างๆ
รวมถึงแนวทางดูแลในระยะยาว อนึ่งเรามองว่า Sentiment ค่าเงินบาทอาจดีขึ้นหลังมีความชัดเจนจากธปท.
และมีโอกาสน้อยที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้