สมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 พร้อมเลือกตั้งนายกสมาคมฯ
สมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง เผยงานวิจัยตลาด ชี้ถึงเทรนด์ผู้บริโภค ตลาดอสังหาฯ เสริมทัพทำธุรกิจอย่างไร ให้ติดอันดับ 1 ผ่านสมาชิกสมาคมฯ
ภายหลังจากการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ของสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง นายเฉลิม ถาวรพานิช ได้รับการถูกคัดเลือก เป็นนายกสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง สมัยที่ 2 ต่อเนื่องอีก 2 ปี ( ปี 2567-2569 ) เพื่อจะทำหน้าที่สานงานต่อในเรื่องของการส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนได้รับการพัฒนาด้านการบริการ ที่มีองค์ความรู้และทักษะสูงมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันภายในงานประชุมฯ ยังได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองการทำงานของ 2 ผู้บริหารที่เป็นสมาชิกอยู่ในสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง ได้แก่ บริษัท แอ๊ดวานซ์ กรุ๊ป เอเซีย จำกัด และบริษัท เร็นโทคิล อินนิเชียล (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้เห็นถึงแนวทางในการทำธุรกิจอย่างไรให้สามารถประสบความสำเร็จขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ของประเทศ ในด้านธุรกิจการบริการกำจัด ปลวก แมลง และสัตว์รบกวน อย่างไรก็ดี คุณเฉลิม ถาวรพานิช นายกสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง ” หรือ THAI PROFESSIONAL PEST MANAGEMENT ASSOCIATION เปิดเผยถึง ข่าวสารด้านงานวิจัยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลังจากได้ติดตามแบรนด์ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง ปลวก มด พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใส่ใจกับผลิตภัณฑ์ หรือ น้ำยากำจัดแมลงที่มุ่งเน้นเรื่องประสิทธิภาพในการใช้งานที่ไม่มีกลิ่นฉุน มีความปลอดภัยสูง และมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อ (Purchasing Criteria) ผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง รวมถึงการเลือกใช้บริการบริษัทที่รับกำจัดแมลงต่างๆ ด้วยว่าน้ำยาที่ใช้ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความปลอดภัยสูง กลิ่นไม่ฉุน และมีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลง ปลวก มด ได้ดี
รวมถึงจากการศึกษาข้อมูลจากรายงานดัชนีค้าปลีกของ Nielsen ก็พบว่าตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง มีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 2,550 ล้านบาทขึ้นไป แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มกำจัดแมลงรวม 59% กลุ่มกำจัดปลวกและแมลงคลาน 24% และกลุ่มกำจัดยุง 17% จากตัวเลขข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นว่าตลาดในกลุ่มที่เป็นผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง และ บริษัทที่รับกำจัดแมลงต่างๆ ยังมีช่องว่างและโอกาสในเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง
เพราะเป็นตลาดที่ผู้บริโภคยังมีความต้องการในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และบริการจากบริษัทที่รับกำจัดแมลง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิศาสตร์ร้อนชื้น จึงเหมาะกับการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลง เช่น มด ยุง ปลวก แมลงสาบ เป็นต้น ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยให้ผู้บริโภค หรือ ผู้อยู่อาศัย ปราศจากการมีแมลงมารบกวนก็มี อยู่ 2 วิธี คือ 1.การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์มากำจัดแมลงเอง และ 2. การเลือกใช้บริการบริษัทที่รับกำจัดแมลง
จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของแต่ละบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรับกำจัดแมลง ปลวก มด จะสามารถวางกลยุทธ์ตลาดเพื่อเข้าช่วงชิงผู้บริโภคที่ป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทตนเองได้อย่างไร นอกจากนี้จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังพบว่าระหว่างวันที่ 1-25 เดือนมกราคม ปี 2567 มีบริษัทไปยื่นขอจดทะเบียนนิติบุคคลด้านการทำธุรกิจประเภทกิจการการฆ่าเชื้อและกำจัดเพิ่มขึ้นอีก 5 ราย ประกอบกับ ทางศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ก็ออกมาชี้แจงถึงทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย 2567 หลังจากลงพื้นที่ภาคสนามเพื่อสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยตลอดจนถึงสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา
พบว่าตลาดที่อยู่อาศัยไทยยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีหน่วยขาย (ที่อยู่อาศัย) เปิดใหม่ 101,536 หน่วย ถึงแม้จะน้อยกว่าปี 2565 (จำนวน 107,090 หน่วย) ประมาณ 5.2% แต่ก็เป็นการลดลงอย่างไม่มีนัยสำคัญใดๆ เนื่องจากไม่มีการเปิดตัวโครงการอาคารชุดราคาถูก คือ (ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท) เลย แสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังฟื้นตัวไม่ได้กำลังหดตัว
โดยเฉพาะหากพิจารณามูลค่าการเปิดจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยในปี 2566 มีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 559,743 ล้านบาท น้อยกว่าปี 2561 ที่เปิดสูงสุดถึง 565,811 หน่วยแล้ว นับว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว ขณะที่ราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่เปิดใหม่ในปี 2566 ทั้งปี อยู่ที่ 5.513 ล้านบาท ต่างจากปี 2565 ที่เปิดตัวในราคาเฉลี่ยเพียง 4.412 ล้านบาท เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าผู้มีรายได้น้อยมีฐานะทางเศรษฐกิจที่แย่ลงในขณะที่ผู้มีรายได้สูงอาจไม่ได้ผลกระทบมากนักจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้า
อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมด นายเฉลิม กล่าวเสริมว่า เพื่อให้สมาคมวิชาชีพกำจัดแมลงสามารถดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์ของการจัดสมาคมฯ ในการทำหน้าที่ส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนเกิดการวิวัฒนาการด้านการบริการ ที่มีองค์ความรู้และทักษะสูงนำไปสู่มูลค่าการบริการที่สูงขึ้น เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและสร้างศักยภาพให้มวลสมาชิกที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ได้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม ผ่านวิธีการติดตามข่าวสารด้านงานวิจัยของธุรกิจต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจรับบริการกำจัดแมลง
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า, แบรนด์ต่างๆ ของผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง เพื่อจะสามารถนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาต่อยอดไปสู่การวางแผน และกลยุทธ์การตลาดต่างๆ รวมถึงการพัฒนาสินค้าของตนเองให้สามารถตอบโจทย์และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้นต่อไป
ด้าน คุณศรัณยู กุลทรัพย์ตระกูล Vice President/ Sales And Marketing Manager บริษัท แอ๊ดวานซ์ กรุ๊ป เอเซีย จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เราเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์บริหารงานด้านบริการกำจัดปลวก และ กำจัดแมลง (Pest Management ) และการให้บริการทำความสะอาด (Cleaning Services ) บริการด้านสุขอนามัยในห้องน้ำ (Hygiene Services) และการที่บริษัทสามารถมียอดขายเติบโตขึ้นเป็นอันดับ 1 มาจากการที่บริษัทมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 41 แห่ง จึงทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงการให้บริการกับลูกค้าได้อย่างทั่วถึงทั้ง 2 กลุ่ม คือ ลูกค้ากลุ่มบ้าน คอนโด และ ลูกค้ากลุ่มองค์กร, บริษัท, โรงงาน, โรงพยาบาล และ อุตสาหกรรมต่างๆ
นอกจากนี้ในแต่ละสาขาพื้นที่จะมีแข่งขันมากน้อยแตกต่างกัน แต่บริษัทจะมีโครงสร้างของทีมบริหารในการมาช่วยติดตาม และแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงการมีพนักงานที่มุ่งเน้นเรื่องการบริการที่มีคุณภาพตามระดับมาตรฐาน ISO จึงทำให้ลูกค้าเกิดความวางใจในการเข้ามาขอเลือกใช้บริการของบริษัท ซึ่งปัจจุบันแบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มลูกค้าบ้าน 70% และ ลูกค้ากลุ่มองค์กร 30% ส่งผลให้ปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดการเติบโต 16% หรือ คิดเป็นยอดขาย 850 ล้านบาท ส่วนปี 2567 บริษัทตั้งเป้าการเติบโต้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20 % หรือ คิดเป็นยอดขาย 1,300 ล้านบาท
ส่วน คุณพงษ์พันธ์ อติชาติภัสสร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เร็นโทคิล อินนิเชียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เราเป็นบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลที่ติดอันดับ 1 ของประเทศไทยในด้านของการเป็นผู้เชี่ยวชาญกำจัดปลวก แมลง และสัตว์รบกวน โดยปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโต 5% ซึ่งถือว่าดีมาก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหาร, โรงแรม, สถานที่ท่องเที่ยว ที่จำเป็นต้องใช้บริการด้านการกำจัดปลวก แมลง และสัตว์รบกวน เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้มารบกวนทำลายธุรกิจมากขึ้น
ที่ผ่านมา เราเป็นบริษัทที่คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้า เนื่องจากวิธีกำจัดแมลงต้องเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้าและความปลอดภัย มีความคุ้มค่าในเรื่องของราคาถ้าเทียบกับคุณภาพของสินค้า ประกอบกับบริษัทยังมุ่งเน้นเรื่องของการพัฒนาบุคลากรที่ออกไปให้การบริการกับลูกค้าที่ไม่เพียงแต่มีคุณภาพที่ดี แต่ยังมีการนำเครื่องมือด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยปรับปรุงพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพในเรื่องของการบริการกำจัดแมลงให้ดียิ่งขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี ในปี 2567 จากการดูแนวโน้มของเศรษฐกิจประเทศไทยที่เริ่มกลับมาดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ก็จะช่วยทำให้อัตราการเติบโตของบริษัทในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6%
ทั้งนี้ คุณสุทิยา ศิริเจริญ ประธานที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง กล่าวเสริมถึง 1 ใน 9 โร้ดแม็ป ของสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลงที่จะทำให้เสร็จในไตรมาสแรกของปี 2567 เพื่อเป็นยกระดับด้านการบริการให้สามารถเต็มเปี่ยมไปด้วยองค์ความรู้และทักษะมากขึ้นเพื่อมุ่งส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนเกิดการวิวัฒนาการด้านการบริการ คือ " การจัดทำคู่มือกำจัดแมลงและปลวก" เป็นการพิมพ์แบบ 4 สี 4 หน้า จำนวน 100 หน้า ที่ครอบคลุมเนื้อหาความรู้ด้านกำจัดแมลงต่างๆ ถึง 11 บทเรียน โดยเนื้อหาทั้งหมดนี้ถ้าอ่านจบจะช่วยให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน บริการ และวิธีกำจัดแมลง ได้อย่างถูกต้อง
ประกอบกับทางสมาคมฯ ยังคงมีนโยบายให้สมาชิกมุ่งเน้นการใช้สารเคมี และอุปกรณ์เครื่องมือในการกำจัดแมลงอย่างคุณภาพ รวมถึงอนาคตจะพบปะกับ 2 หน่วยงานรัฐ คือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อไปผลักดันอะไรต่างๆ มากขึ้น เช่น เรื่องการขึ้นทะเบียนยากำจัดแมลง และ การไปแจ้งโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากแมลง เป็นต้น
คุณธนาวุฒิ ศิริเรือง อุปนายกสมาคม กำจัดแมลง ฝ่ายบริหาร สมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสมาคมฯ มีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มเป็น 50 บริษัท สิ่งหนึ่งที่สมาคมฯ จะทำในปี 2567 คือ การจัดประชุมสัญจรออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด โดยจังหวัดขอนแก่น จะโครงการนำร่องสำหรับเรื่องนี้ก่อน
สำหรับวัตถุประสงค์ของจัดประชุมสัญจรฯ ครั้งนี้ เพื่อจะออกไปแบ่งปันความรู้ให้กับภาคประชาชน และภาคธุรกิจด้านโรงแรม ร้านอาหาร เกี่ยวกับความรู้ที่จำเป็นสำหรับการเลือกใช้บริษัทกำจัดแมลงรวมถึงการให้ความรู้กับผู้ประกอบการกำจัดแมลงในท้องถิ่นให้เกิดการเสริมสร้างการทำธุรกิจ ในระดับที่มีเป็นการบริการที่ถูกยกระดับขึ้นเป็นมาตรฐานเดียวกันกับบริษัทกำจัดแมลงในกรุงเทพฯ เพื่อให้ภาคของการทำธุรกิจกำจัดแมลงและสัตว์รบกวน สามารถเทียบเท่ากับบริษัทในประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ที่เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งอย่างมากเกี่ยวกับธุรกิจกำจัดแมลง และการให้บริการกับลูกบ้าน