ออมสิน ช่วยคน 6.3 แสนราย เฟสแรกตามนโยบายรัฐ ปลดภาระหนี้เสีย ดึงเครดิตกลับมาปกติแล้ว คาดรวมทุกแบงก์รัฐ จะช่วยลูกหนี้โควิดรหัส 21 ได้เพิ่มเป็น 1.1 ล้านราย ภายในพฤษภาคมนี้
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19
ธันวาคม 2566
ให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือลูกหนี้โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ส่งผลให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ และกลายเป็น NPL
นั้น ธนาคารได้ติดตามทวงถามลูกหนี้โครงการดังกล่าวให้ชำระหนี้แล้ว
แต่ลูกหนี้บางส่วนยังคงประสบความเดือดร้อน ไม่สามารถชำระได้
รัฐบาลจึงให้นำงบประมาณชดเชยค่าเสียหายจากหนี้เสียที่จัดสรรสำหรับโครงการสินเชื่อดังกล่าวมาชำระหนี้แทน
โดยธนาคารได้ดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวในเฟสแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่งผลให้หลุดพ้นและปลดภาระจากการเป็นหนี้เสีย กลับมามีประวัติทางเครดิตปกติ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้แล้วถึง
630,000 คน คิดเป็น 18% ของจำนวนผู้ที่เป็นหนี้เสียบัญชี 21 (หนี้ค้างชำระเกิน
90 วัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ) ทั้งนี้
ในระยะถัดไปธนาคารจะเร่งดำเนินการส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จ คาดว่าภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม
2567 หลังจากพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2568 ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งเมื่อรวมทุกธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ
(SFI) แล้ว จะสามารถช่วยคนได้เพิ่มเป็น 1.1 ล้านคน คิดเป็น
31% ของบัญชี 21 ทั้งหมด
อนึ่ง
โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563
เป็นโครงการที่รัฐบาลเห็นชอบให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อแก่ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ รายละ 10,000 บาท เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างหนัก ในช่วงเวลาการแพร่ระบาดรุนแรง
ณ ขณะนั้น วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท
พร้อมรัฐจัดสรรงบประมาณแก่ธนาคารออมสินสำหรับชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากหนี้เสีย
(NPLs) รวมทั้งสิ้นไม่เกิน
10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การช่วยเหลือดังกล่าวจะดำเนินการเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เสียวินัยทางการเงิน.