เดินหน้าพลังงานสะอาด กฟผ. จับมือสวีเดนศึกษาพลังงานชีวมวลและไฮโดรเจนมุ่งลดคาร์บอน
กฟผ.
และการค้าสวีเดนร่วมลงนามแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดด้านเชื้อเพลิงชีวมวล
และระบบกักเก็บพลังงานไฮโดรเจน หวังเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด
มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emission
วันนี้ (30 เมษายน 2567) นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน (H.E. Mrs. Anna.
Hammargren) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย
และนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)
เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการค้าสวีเดน
ณ อาคารสามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ
นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง
กฟผ. กล่าวว่า ราชอาณาจักรสวีเดนถือเป็นประเทศผู้นำในการใช้พลังงานสะอาดของโลก
ทั้งเชื้อเพลิงชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานไฮโดรเจน
ซึ่งความร่วมมือระหว่าง กฟผ.
กับการค้าสวีเดนในครั้งนี้มีระยะเวลาความร่วมมือรวมทั้งสิ้น 2 ปี เพื่อเป้าหมายสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของประเทศไทยภายใต้กรอบการแลกเปลี่ยนประสบการณ์
องค์ความรู้ และเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
ทั้งเชื้อเพลิงชีวมวลตั้งแต่กระบวนการบริหารจัดการพื้นที่ปลูกป่าที่เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอย่างยั่งยืน เทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบและติดตามเพื่อพิสูจน์แหล่งที่มาของเชื้อเพลิงชีวมวลตลอดทั้งกระบวนการ
และระบบกักเก็บพลังงานไฮโดรเจน
รวมถึงการสนับสนุนการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะทางวิชาการ เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ
การบริหารจัดการความยืดหยุ่นในการจัดการแหล่งพลังงานหมุนเวียน
และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคการผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม
มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
และการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero
Emission) ของประเทศ
ด้านนายแคสเปอร์
ปิแอร์ซินอฟสกี้ กรรมาธิการการค้าสวีเดน กล่าวเพิ่มเติมว่า
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงทำให้โลกต้องการแนวทางการพัฒนาพลังงานที่มีความยั่งยืนอย่างเร่งด่วน
ซึ่งความร่วมมือในการสำรวจพลังงานชีวมวลผ่านหลักการจัดการป่าไม้ที่มีประสิทธิภาพ
และการนำศักยภาพของไฮโดรเจนมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า
จะช่วยผลักดันให้เกิดนวัตกรรมด้านพลังงานและโอกาสทางธุรกิจของทั้งสองประเทศ อันจะนำไปสู่การพลิกโฉมภูมิทัศน์ด้านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม