SCN โชว์ผลงานไตรมาส 1/67กวาดรายได้เกือบทะลุเกือบ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY
SCN
ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจร ประกาศฟอร์มไตรมาสแรกปี
2567 ยังสดใส คว้ารายได้เพิ่มอีก 467
ล้านบาท หรือโต 23% YOY
เตรียมปูทางรับทรัพย์เพิ่ม เร่งความพร้อมดันบริษัทย่อย SAP เข้าตลาดหุ้นไทย
คาดการณ์ชัดเจนครึ่งปีหลัง ชี้ยังมองโอกาสต่อยอดการเติบโตธุรกิจ
เดินหน้าศึกษาพลังงานบลูไฮโดรเจนเพิ่มเติม หวังหนุนความแข็งแกร่งระยะยาว
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส
1 ปี 2567 ที่ผ่านมา
บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 467
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 23% โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้ดังกล่าว มาจากการเติบโตต่อเนื่องของทุกกลุ่มธุรกิจ
อีกทั้งยังมีไฮไลท์ธุรกิจ 3 เหตุการณ์สำคัญในไตรมาสแรกที่น่าสนใจ
อาทิ ในส่วนของธุรกิจ iCNG มียอดขายเติบโต
ขนส่งได้สูงสุดกว่า 5,619 ล้านบีทียูต่อวัน ขณะเดียวกันที่บริษัทย่อย
SAP เตรียมพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
โดยมีการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 1 เพิ่มอีก 2 โครงการ
โดยมีกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของบริษัท เท่ากับ 23 เมกะวัตต์ นอกจากนี้
SCN ยังได้รับเงินเต็มจำนวน จากการชนะคดีพิพาทหลุมก๊าซกับ ECO
Orient energy (Thailand) หลังศาลฎีกาพิพากษา สั่งชดใช้เป็นมูลค่า
49.6 ล้านบาท
“ SCN ยังคงทำผลงานที่เติบโตต่อเนื่องได้ตามเป้า
ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2567 บริษัทสามารถทำรายได้ เท่ากับ 476
ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 23%
เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีปัจจัยการเติบโต ได้แก่ 1)
ธุรกิจขนส่งและอื่นๆ จากการรับรู้รายได้สัญญาจ้างขนส่งจากการชนะประมูลงานขนส่ง
ปตท. ตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 และการเติบโตของงานรับเหมาก่อสร้าง
2) ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)
เพิ่มขึ้น 2 โครงการ และ 3) ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และรถโดยสารปรับอากาศ
จากค่าซ่อมบำรุงรถโดยสารที่ปรับตัวสูงขึ้นตามสัญญาให้บริการ ทั้งนี้ในส่วนของกำไรจากการดำเนินงาน
(EBITDA) ในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 32 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1/2566
มีการรับรู้กำไรการเปลี่ยนสถานะเงินลงทุน SAP จาก
“บริษัทร่วม” เป็น “บริษัทย่อย” เป็นจำนวนเงิน 90 ล้านบาท
และไตรมาส 1/2567 มีการรับรู้ค่าใช้จ่าย one-time ที่เกิดจาก 1) การออกหุ้นให้พนักงาน 2) ซื้อคืนงานโครงการ Private PPA ของไตรมาส 1/2567
และ 3) ค่าปรับงานรับเหมาก่อสร้าง
จึงทำให้กำไรจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า ดร.ฤทธี กล่าว
สำหรับใน ไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมีรายได้และกำไร จำแนกในแต่ละหมวดธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ รายได้อยู่ที่จำนวน 242 ล้านบาท กำไร 33 ล้านบาท, 2) ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์
อะไหล่ และรถโดยสารปรับอากาศ รายได้อยู่ที่จำนวน 37 ล้านบาท
ซึ่งเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้มีกำไร
เท่ากับ 9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า, 3) ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน รายได้จำนวน 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท หรือ 52% เทียบกับปีก่อนหน้า และกำไรอยู่ที่ 25 ล้านบาท,
4) ธุรกิจขนส่งและอื่นๆ รายได้อยู่ที่จำนวน 147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75 ล้านบาท หรือ 104% เทียบกับปีก่อนหน้า กำไรอยู่ที่ 1 ล้านบาท
ดร.ฤทธี
กล่าวเพิ่มเติม สำหรับความคืบหน้าของการนำบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด
หรือ SAP (บริษัทย่อยของ SCN) เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
(mai) ล่าสุด บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างภายในและเตรียมยื่นแบบแสดงข้อมูล
(ไฟลิ่ง) ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ SAP
มีพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าบนหลังคาในมือแล้วมากกว่า 36 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 23 เมกะวัตต์
ซึ่งในปี 2567
บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ เพื่อสนับสนุนการเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2567 คาดการณ์ว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจในทุกกลุ่มของบริษัท
ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น หลังบริษัทเพิ่มความเข้มข้นของการดำเนินงาน
โดยเฉพาะด้านการตลาดกับลูกค้า ตลอดจนการบริหารงานและจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ ทำให้มองภาพรวมตลอดปี
2567 ยังคงตั้งเป้าการเติบโตของไว้ที่ 20% เนื่องจากจะสามารถรับรู้รายได้เต็มของธุรกิจขนส่งก๊าซธรรมชาติ
ที่ได้ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของประเทศในตอนนี้ ช่วงปลายปี นอกจากนี้บริษัทก็ยังเดินหน้าศึกษาพลังงานรูปแบบใหม่
การผลิตไฮโดรเจน หรือบลูไฮโดรเจน ต่อเนื่อง เพื่อหาโอกาสและความเป็นไปได้ในการลงทุน
ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งให้ SCN ในอนาคต
ดร.ฤทธี กล่าวทิ้งท้าย