ดีพร้อม หนุนลงทุน-แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เชื่อมโยงธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น ผ่านงาน OTAGAI Forum ดันเศรษฐกิจโต 3,000 ลบ.
ประเทศญี่ปุ่น 4 มิถุนายน 2567 - อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เยือนเมืองซาเซโบะ จังหวัดนางาซากิ ร่วมเปิดงานเชื่อมโยงธุรกิจ OTAGAI Forum in Sasebo ครั้งที่ 23 เพื่อสร้างโอกาสการค้าและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น โดยมีผู้ประกอบการจากทั้งสองประเทศ ในอุตสาหกรรมการต่อเรือ ผลิตภัณฑ์จากเหล็ก เทคโนโลยีการจัดการและบำบัดน้ำเสีย ดิจิทัลแพลตฟอร์ม อาหารและสินค้าเกษตรแปรรูป เข้าร่วมกว่า 100 ราย อีกทั้งอธิบดีภาสกรและคณะยังเดินหน้านโยบายบูรณาการความร่วมมือ (DIPROM Connection) เข้าพบตัวแทนรัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดนางาซากิ ขยายความร่วมมือในภูมิภาคคิวชู หวังผลักดันผู้ประกอบการไทยให้สามารถเข้าสู่ตลาดสากล คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 3,000 ล้านบาท
นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสเดินทางไปเปิดงานเชื่อมโยงธุรกิจ OTAGAI Forum in Sasebo ครั้งที่ 23 ณ เมืองซาเซโบะ จังหวัดนางาซากิ เพื่อสานต่อความสำเร็จของแนวคิดการดำเนินงานร่วมกันระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น หรือ “OTAGAI” ที่มีความหมายว่า “การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” ซึ่งมีจุดกำเนิดตั้งแต่ ปี 2554 ที่ทั้งสองประเทศต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานและภาคการผลิตหยุดชะงัก อันส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่มาถึงเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้พูดคุยกับหน่วยงานพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่น เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว จนเกิดเป็นความร่วมมือในการผลิตทดแทนกัน หรือ Sister Clusters โดยในปัจจุบันเป็นความร่วมมือในด้านอื่น ๆ อาทิ การลงทุน การแลกเปลี่ยนบุคลากร การร่วมทุน และการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรมจากประเทศญี่ปุ่นสู่ประเทศไทย ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีการลงทุนในไทยเป็นอันดับ 1 ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี 2567 ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
สำหรับงานเชื่อมโยงธุรกิจ OTAGAI Forum in Sasebo ครั้งที่ 23 มีผู้ประกอบการญี่ปุ่นและไทยเข้าร่วมกว่า 100 ราย ในหลากหลายสาขาอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมการต่อเรือ ผลิตภัณฑ์จากเหล็ก เทคโนโลยีการจัดการและบำบัดน้ำเสีย ดิจิทัลแพลตฟอร์ม อาหารและสินค้าเกษตรแปรรูป ขณะเดียวกัน การจัดงานในครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเสนอสินค้าและบริการของตนเอง เพื่อสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงและขยายช่องทางการค้าขายระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจที่เป็นเลิศและมีความยั่งยืนสู่สากล ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการและการเจรจาธุรกิจระหว่างสองประเทศ และเกิดการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้กว่า 3,000 ล้านบาท อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศในอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายภาสกร กล่าวต่อว่า ดีพร้อม ได้ใช้โอกาสในการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ ร่วมประชุมหารือกับ นาย อิอุจิ มาโกโตะ (Mr. IUCHI Makoto) รองอธิบดีฝ่ายอุตสาหกรรมและแรงงาน รัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดนางาซากิ และคณะฯ ผ่านนโยบายบูรณาการความร่วมมือ (DIPROM Connection) เกี่ยวกับแนวทางและโอกาสในการขยายความร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นญี่ปุ่น (Local to Local) เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมและเอสเอ็มอีระหว่างกัน รวมถึงการพัฒนาและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมที่ทั้งสองหน่วยงานมีความสนใจร่วมกัน เช่น อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ทั้งสาขาพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อประยุกต์เข้ากับแนวทางเศรษฐกิจ BCG ของไทยที่จะนำมาต่อยอดเข้ากับแนวคิดเศรษฐกิจ BCG หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวของไทย และการรณรงค์การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) ตลอดจนอุตสาหกรรมการต่อเรือ (Ship-building) ที่เป็นอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนางาซากิมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ ดีพร้อม ได้สานสัมพันธ์กับหน่วยงานต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2552 ทั้งในระดับรัฐบาลกลาง 6 แห่ง รัฐบาลท้องถิ่น 23 แห่ง และภาคเอกชน 3 แห่ง รวม 31 แห่ง ผ่านความร่วมมือรูปแบบต่าง ๆ อาทิ บันทึกความเข้าใจ (MOU) บันทึกความร่วมมือ (MOC) และกรอบการทำงาน (Framework) เพื่อส่งเสริมและแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างกัน ทั้งในด้านองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี ตลอดจนบุคลากร รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายโอกาสธุรกิจสู่ระดับโลก นอกจากนี้ ดีพร้อมยังเตรียมที่จะขยายความร่วมมือในด้านการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมกับจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดโทคุชิมะ จังหวัดนางาซากิ และจังหวะซางะ ซึ่งมีแผนที่จะลงนามความร่วมมือภายในปีนี้ นายภาสกร กล่าวทิ้งท้าย