กบข. สนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนเข้าลงทุนในกรีนบอนด์ของ ราช กรุ๊ป
กบข.
เดินหน้าสนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เข้าลงทุนในกรีนบอนด์ของราช กรุ๊ป
มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โครงการพลังงานหมุนเวียน
เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์
เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ในฐานะนักลงทุนสถาบัน ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างรับผิดชอบ
เน้นลงทุนในธุรกิจที่นำประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG มาใช้ในการดำเนินงาน และหาโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมาโดยตลอด
จึงได้เข้าลงทุนในหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือ กรีนบอนด์ ของบริษัท ราช
กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.81% และอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.00%
โดยการลงทุนในกรีนบอนด์ของราช กรุ๊ป เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ
ได้รับผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรที่มีความมั่นคง ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับที่ดี
มีอันดับความน่าเชื่อถือ AA+ รวมถึงยังมีส่วนช่วยพัฒนาโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เนื่องจากราช กรุ๊ป เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน
รวมถึงการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียในทุกมิติ
ที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุนของ กบข.
ที่นอกจากผลตอบแทนการลงทุนยังให้ความสำคัญกับผลตอบแทนด้านสังคม
สิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน
นายนิทัศน์
วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
(หุ้นกู้สีเขียว) ต่อ กบข. จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท
โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน
และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายในวงจำกัดให้กับผู้ลงทุนไม่เกิน 10 ราย (PP10) สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 1 มูลค่า 2,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี
ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 อัตราดอกเบี้ย 2.81%
ส่วนหุ้นกู้ชุดที่ 2 มูลค่า 2,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2572
อัตราดอกเบี้ย 3.00% ซึ่งบริษัทฯ จะชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
และจะชำระคืน เงินต้นหุ้นกู้ทั้งจำนวนในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ และมีความยินดีอย่างยิ่งที่ กบข. ได้ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของบริษัทฯ
ที่ได้ขับเคลื่อนองค์กรด้วยธรรมาภิบาลให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ตลอดจนคุณค่าร่วมที่เสริมหนุนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี
2593 โดยจะมุ่งเน้นลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและโครงการด้านพลังงานที่พัฒนาขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
(Energy Transition)
ซึ่งเป้าหมายกำลังผลิตพลังงานทดแทนจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 2578 จากปัจจุบันอยู่ที่ 27%
ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมที่สำคัญ
ความสำเร็จครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อตราสารหนี้ภาคเอกชนของไทย
โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่ออกโดยองค์กรที่มีพื้นฐานธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่ง
มีศักยภาพการเติบโตสูง รวมถึงการมีธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ
“บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นกู้สีเขียวให้กับ กบข. เพียงรายเดียว จึงขอขอบคุณ
กบข. ที่ให้การสนับสนุนหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ทั้ง 2 ชุด
ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ
จะนำไปใช้ภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การระดมทุนเพื่อโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ Green Financing Framework ทั้งเพื่อเป็นเงินทุน
และ/หรือ ทดแทนเงินลงทุนในโครงการใหม่
หรือโครงการเดิมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ
และบริษัทในเครือ รวมถึงโครงการพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ บริษัทฯ
มีแผนธุรกิจและเป้าหมายการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ชัดเจน ได้แก่
โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการพลังงานลม โครงการพลังงานน้ำ
และระบบกักเก็บพลังงาน
รวมทั้งศึกษาเทคโนโลยีพลังงานอนาคตเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศเป้าหมายลงทุนของบริษัทฯ
เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับการตอบสนองความมั่นคงด้านพลังงาน
และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและ/หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของทุกประเทศที่บริษัทฯ
เข้าไปลงทุน” นายนิทัศน์ กล่าว