คปภ. เพื่อสังคม ลงพื้นที่ต่อเนื่องนำระบบประกันภัยส่งต่อถึงมือ ผู้พิการกลุ่มผู้เปราะบางทางการเงิน
นายชูฉัตร
ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ
คปภ.)ลงพื้นที่ร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย
สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน
และสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย เพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องการประกันภัยภายใต้โครงการ “คปภ. เพื่อสังคม”
สังคมผู้เปราะบางทางการเงิน เมื่อวันที่
19 พฤศจิกายน 2567 ณ สมาคมศูนย์การเรียนรู้คนพิการ บ้านแม่นก เขตสายไหม กรุงเทพฯ พร้อมบันทึกเทปโทรทัศน์เพื่อเผยแพร่เรื่องราวผ่านรายการ
คปภ. เพื่อสังคม ทางทีวีดิจิทัล (อมรินทร์ทีวี HD ช่อง 34) โดยมุ่งหวังให้ประชาชนผู้รับชมรายการได้รับความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัย
สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากการลงพื้นที่ “คปภ.
เพื่อสังคม” สังคมอุดมศึกษา เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ณ
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)
และในการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อนำเสนอสภาพความเป็นอยู่ของคนในกลุ่มผู้เปราะบางทางการเงิน ความเสี่ยงภัย
และการบริหารความเสี่ยงด้วยการประกันภัย ซึ่งกลุ่มคนพิการเป็นอีกกลุ่มคนหนึ่งที่สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย
ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งนี้ จากข้อมูล
ปี 2567 ประเทศไทยมีจำนวนประชากร มากกว่า 66 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้พิการถึงประมาณ 4.19 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 6
ของจำนวนประชากร ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนมากพอสมควร ด้วยความพิการของร่างกาย จึงทำให้โอกาสในการศึกษาและการประกอบอาชีพของคนพิการมีน้อยกว่าคนปกติทั่วไป
โดยเห็นได้จากตัวเลขของคนพิการในวัยทำงาน (อายุ 15- 60 ปี)
ที่ลงทะเบียนคนพิการไว้ ประมาณ 850,000 คน ประกอบอาชีพไม่ถึง
2 แสนคนเท่านั้น หรือคิดเป็นร้อยละ 22.82 เท่านั้น
ส่วนที่เหลือไม่ได้ประกอบอาชีพร้อยละ 48.68 และพิการมากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ร้อยละ 25.20 (ไม่ประสงค์ให้ข้อมูลด้านอาชีพ ร้อยละ
3.30% จึงทำให้กลุ่มคนพิการส่วนมากเป็นกลุ่มผู้ที่มีความเปราะบางทางการเงิน
สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมความรู้และสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนสามารถใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง
โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการส่วนมากเป็นกลุ่มผู้ที่มีความเปราะบางทางการเงิน
รวมถึงความเสี่ยงที่สังคมกลุ่มนี้ได้รับจะเป็นอย่างไร
นอกจากผู้พิการแล้ว อาจรวมถึงผู้ปกครอง หรือคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ความดูแลผู้พิการด้วย เนื่องด้วยภาระค่าใช้จ่ายในการดูแล และการรักษาพยาบาล
ทำให้ประชาชนกลุ่มนี้ จำเป็นต้องสร้างความมั่นคงทางการเงิน
ต้องได้รับการบริหารความเสี่ยงจากการประกันภัยที่เหมาะสม
รวมทั้งการมีอาชีพเพื่อหารายได้เก็บสะสมไว้เพื่อการเลี้ยงดูบุตร
และสิ่งสำคัญที่สุด คือ การส่งต่อมรดก เพื่อให้ในวันที่เขาไม่อยู่ ลูก ๆ
ผู้มีความพิการยังมีทุนสำหรับการดำรงชีวิตต่อไปได้
ทั้งนี้ ได้มีเวทีเสวนาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของบ้านแม่นก
ซึ่งเป็นการสะท้อนมุมเล็ก ๆ ในสังคมของคนพิการที่อาจจะไม่ได้รับรู้เลยในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป
แต่สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กพิการ นี่เป็นการถ่ายทอดครั้งสำคัญที่จะส่งต่อพลังบวกให้พวกเขายังสู้ต่อไป
โดยส่งต่อทั้งความรู้ในการดูแลและฟื้นฟูลูก
ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากแม่นกและพ่อแม่คนอื่น ๆ
ได้ความรู้จากศาสตร์การดูแลเด็กพิการของญี่ปุ่นที่สามารถมาประยุกต์ใช้ในการดูแลเด็กได้ และที่สำคัญคือ การใช้ประกันภัยเป็นเครื่องมือดูแลค่าใช้จ่ายและสร้างงานสร้างอาชีพให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง
เพื่อจะได้มีเวลามาดูแลลูก โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร
ประกอบด้วย นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ
ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค นายจรุง เชื้อจินดา รองผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย
ดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย นางประภาพร
ลิขสิทธิ์ นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน นายจิตวุฒิ ศศิบุตร
นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย และนางสาวเสาวภา
ธีระปรีชากุล นายกสมาคมศูนย์การเรียนรู้คนพิการ บ้านแม่นก โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เพื่อมอบเงินสำหรับจัดทำเก้าอี้นั่งสำหรับประคองตัวผู้พิการอีกด้วย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวทิ้งท้ายว่า รายการ “คปภ. เพื่อสังคม” จะนำเสนอกลุ่มคนในสังคมที่มีการดำเนินชีวิต สภาพความเสี่ยงที่แตกต่าง และการประกันภัยสามารถช่วยเหลือผู้คนในทุกกลุ่มของสังคมเพื่อบริหารความเสี่ยง
และสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประชาชนได้อย่างเป็นระบบอย่างแท้จริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้รับชมรายการนี้จะได้รับประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยงในมิติต่าง ๆ
อย่างแน่นอน