ศุภาลัย ผนึกกำลัง “วินด์เซอร์” ชูนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างรักษ์โลกจากไวนิล มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำยกระดับคุณภาพชีวิตทุกบ้านอยู่สบาย
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร “วินด์เซอร์” (WINDSOR) ผู้นำตลาดประตูหน้าต่างไวนิล จากบริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม
จำกัด ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ชูนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างรักษ์โลกจากไวนิล ปูพรมกว่า
78 โครงการบ้านของศุภาลัยทั่วประเทศ
จับมือเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน
พร้อมยกระดับบ้านอยู่สบาย ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ด้วย “Ultimate
Protection” ที่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อน ฝุ่น เสียง และการรั่วซึมได้มากขึ้น พร้อมก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
นายกิตติพงษ์
ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า “ศุภาลัย
ประกาศความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัสดุและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง
มาตรฐานดี และมีความปลอดภัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อีกทั้งยังสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยใหม่
ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ บริษัทฯ
ยังมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573 โดยเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน การออกแบบที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การเลือกใช้วัสดุ Green Product รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
รวมถึงการบริหารจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยสีเขียวและก้าวสู่การเป็นองค์กร Zero Waste แบบครบวงจร”
ทั้งนี้ ศุภาลัย ยังได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ
เพื่อสร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัยร่วมกัน โดยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ศึกษา
และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพ สามารถนำไปใช้จริง โดยร่วมกับ “วินด์เซอร์” (WINDSOR) ผู้นำตลาดประตูหน้าต่างไวนิล
ในกลุ่มธุรกิจ SCGC เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบประตูและหน้าต่าง
สามารถลดการใช้พลังงานในการผลิต ส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงไปด้วย
นอกจากนี้ ยังช่วยลดการเกิดเศษวัสดุเหลือจากกระบวนการประกอบ โดย ศุภาลัยได้คัดสรรเลือกใช้ประตูหน้าต่างไวนิลวินด์เซอร์
ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน ยาวนานนับหลายสิบปีที่ ผ่านมา จึงมั่นใจได้ว่าบ้านทั่วประเทศของศุภาลัยที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์จาก
“วินด์เซอร์” นั้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ตอกย้ำความมุ่งมั่นของศุภาลัยในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ดีและอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน
นายอภิชาติ พรวรนันท์ ผู้จัดการฝ่ายขายโครงการ และ Profiles Business Sponsor บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด ในกลุ่มธุรกิจ SCGC
กล่าวว่า “จากสภาวะโลกเดือดที่เป็นปัญหาสำคัญของโลกในขณะนี้
ทุกภาคส่วนต่างตระหนักและร่วมมือกันเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว สำหรับวินด์เซอร์
ซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง ESG จาก SCGC ได้มุ่งส่งเสริมความยั่งยืนด้วยวัสดุประตูหน้าต่างไวนิลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ภายใต้วิสัยทัศน์ “WINDSOR for Sustainability” โดยเดินหน้าพัฒนากระบวนการผลิตประตูหน้าต่างไวนิล
ในรูปแบบ “Pre-cut” ที่มีเฉพาะในแบรนด์วินด์เซอร์ ทำให้ไม่เกิดเศษเหลือในกระบวนการประกอบ
(Zero Waste) ผ่านการรับรองจาก SCG Green
Choice รวมทั้งได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุต
พริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) และฉลากลดโลกร้อน (CFR) จึงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานในการผลิตที่ลดลงได้เป็นอย่างดี
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ SCGC ที่มุ่งเน้นเรื่อง Low
Waste, Low Carbon
พร้อมทั้งตอบโจทย์แนวทางการสร้างบ้านของศุภาลัยที่มุ่งมั่นเลือกใช้สินค้าคุณภาพ
เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้าน ควบคู่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ ทุก ๆ การใช้ประตูหน้าต่างไวนิลวินด์เซอร์ในบ้าน 1 หลังของโครงการศุภาลัย ด้วยการใช้กระบวนการประกอบในรูปแบบ
Pre-cut สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ
39 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ (kgCO2) เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้
5 ต้น ตอบโจทย์เจ้าของบ้านสายกรีนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งในระยะเวลา
1 ปีที่ผ่านมา ทางศุภาลัยได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กรอบประตูหน้าต่างของวินด์เซอร์ในโครงการต่าง
ๆ กว่า 78 แห่งทั่วประเทศ รวมพื้นที่หน้าต่างโครงการคิดเป็นปริมาณ
CO2 ที่ลดลงกว่า 194,062 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์
(kgCO2) เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 22,612 ต้น
นอกจากการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนแล้ว วินด์เซอร์ยังพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับบ้านอยู่สบาย
ด้วยคุณสมบัติ “Ultimate Protection” ที่พัฒนาให้มีคุณสมบัติเพื่อปกป้องบ้านและผู้อยู่อาศัยจากสิ่งรบกวน
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งในแง่ฟังก์ชันและดีไซน์ ให้บ้าน “เงียบกว่า” เมื่อเทียบกับการใช้บานอลูมิเนียมทั่วไปถึง
40% โดยสามารถลดทอนเสียงรบกวนจากภายนอกสู่ภายในบ้านได้ถึง 32 เดซิเบล นอกจากนี้ ยัง “เย็นกว่า” ด้วยประสิทธิภาพการป้องกันความร้อน
จึงช่วยประหยัดการใช้พลังงานในระยะยาว ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 9,144 บาทต่อปี “ปลอดฝุ่นกว่า” สามารถป้องกันมลภาวะและฝุ่น PM2.5
จากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้านได้ถึง 3 เท่า เพื่อสุขภาวะที่ดี
และ “มั่นใจกว่า” ป้องกันการรั่วซึมของน้ำและอากาศ
ต้านทานแรงลมได้ดี ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงทนทาน พร้อมรองรับทั้งบ้านพักอาศัยและงานอาคารสูง